โครงสร้าง : ประธาน + กริยาช่องที่ 2
ตัวอย่าง : I went to the party last night.
1) เราใช้ past simple tense เวลาที่พูดถึงเหตุการณ์ในอดีต แต่ไม่เหมือนกับ present perfect ตรงที่เราเพียงพูดถึงเวลาในอดีตช่วงหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลมาถึงปัจจุบัน เช่น
- I have lost my wallet. ( present perfect แสดงถึงว่าฉันได้ทำกระเป๋าตังหายไปในอดีต และตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ )
- I lost my wallet. ( past simple แสดงให้รู้เพียงว่าฉันได้ทำกระเป๋าตังหายไป แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้หาเจอแล้วหรือยัง )
2) ใช้ past simple tense ในการถาม เมื่อไหร่ เช่น
- When did you come home? ( เราไม่ใช้ when have you come home? )
3) เรายังใช้ past simple tense ในการพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำๆในอดีต และมักมีคำบอกความถี่อยู่ในประโยคด้วย แต่เหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน เช่น
- I always went to church last year.
ตัวอย่าง : I went to the party last night.
1) เราใช้ past simple tense เวลาที่พูดถึงเหตุการณ์ในอดีต แต่ไม่เหมือนกับ present perfect ตรงที่เราเพียงพูดถึงเวลาในอดีตช่วงหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลมาถึงปัจจุบัน เช่น
- I have lost my wallet. ( present perfect แสดงถึงว่าฉันได้ทำกระเป๋าตังหายไปในอดีต และตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ )
- I lost my wallet. ( past simple แสดงให้รู้เพียงว่าฉันได้ทำกระเป๋าตังหายไป แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้หาเจอแล้วหรือยัง )
2) ใช้ past simple tense ในการถาม เมื่อไหร่ เช่น
- When did you come home? ( เราไม่ใช้ when have you come home? )
3) เรายังใช้ past simple tense ในการพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำๆในอดีต และมักมีคำบอกความถี่อยู่ในประโยคด้วย แต่เหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน เช่น
- I always went to church last year.
4) Past simple tense ยังใช้ได้ในการบอกรายการเรื่องของการกระทำที่เสร็จไปแล้ว เช่น
- I finished work, went to the party, and got drunk.
เวลาจะทำประโยคคำถามหรือปฎิเสธ เราใช้ did/ didn't + infinitive เช่น
- A : Did you go to the party last night? คุณได้ไปงานเลี้ยงไหมเมื่อคืนนี้
- B : No, I didn't go to the party last night. ไม่ ผมไม่ได้ไป
*ช่อง 2 ของ is/ am / are คือ was/ were*
ส่วนมาก กริยาช่องที่ 2 จะลงท้ายด้วย -ed แต่จะมีบางตัวที่ กริยาช่องที่ 2 และ 3 จะเปลี่ยนรูป
ยังมีหลักเล็กๆน้อยๆในการเติม -ed ข้างหลังกริยา คือ บางครั้งเราจะเติมพยัญชนะตัวสุดท้ายเพิ่มไปอีกตัว ถ้าหน้าพยัญชนะตัวนั้นเป็นสระ เช่น
- plan/ planned stop/ stopped rub/ rubbed
ปล. ถ้าเป็นคำมากกว่า 1 พยางค์ เราจะเพิ่มพยัญชนะไปอีกตัว เฉพาะในกระณีทีพยางค์สุดท้ายเป็นพยางค์ที่เราเน้นเสียง เช่น
- permit/ permitted regret/ regretted
เวลาจะทำประโยคคำถามหรือปฎิเสธ เราใช้ did/ didn't + infinitive เช่น
- A : Did you go to the party last night? คุณได้ไปงานเลี้ยงไหมเมื่อคืนนี้
- B : No, I didn't go to the party last night. ไม่ ผมไม่ได้ไป
*ช่อง 2 ของ is/ am / are คือ was/ were*
ส่วนมาก กริยาช่องที่ 2 จะลงท้ายด้วย -ed แต่จะมีบางตัวที่ กริยาช่องที่ 2 และ 3 จะเปลี่ยนรูป
ยังมีหลักเล็กๆน้อยๆในการเติม -ed ข้างหลังกริยา คือ บางครั้งเราจะเติมพยัญชนะตัวสุดท้ายเพิ่มไปอีกตัว ถ้าหน้าพยัญชนะตัวนั้นเป็นสระ เช่น
- plan/ planned stop/ stopped rub/ rubbed
ปล. ถ้าเป็นคำมากกว่า 1 พยางค์ เราจะเพิ่มพยัญชนะไปอีกตัว เฉพาะในกระณีทีพยางค์สุดท้ายเป็นพยางค์ที่เราเน้นเสียง เช่น
- permit/ permitted regret/ regretted
No comments:
Post a Comment